10 สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของโลก ที่กำลังจะหายไป
รีบไปดู ก่อนที่จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว
- Post : 22 พฤษภาคม 2556 , View : 39,359
- Tag : มัลดีฟส์, มาดากัสการ์, กาลาปากอส, โลกร้อน, ป่าไม้
สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศ น้องๆ อยากไปเที่ยวที่ไหนกันคะ พี่พิซซ่า เองก็มีหลายที่ที่อยากไปทั้งไปช้อปปิ้ง ไปชมร่องรอยทางประวัติศาสตร์ หรือไปชมธรรมชาติที่แปลกตา แต่ว่าอะไรหลายๆ อย่างที่โลกเรากำลังประสบปัญหาอยู่ อาจจะทำให้สถานที่ท่องเที่ยวดังๆ บางแห่งหายไปจากสายตาเราก็ได้ T^T ไปดูกันดีกว่าค่ะว่าสถานที่ในฝันของเรา จะยังอยู่รอจนวันที่เรามีโอกาสได้ไปชมรึเปล่า
10 สถานที่สำคัญที่กำลังจะหายไป
1. หมู่เกาะกาลาปากอส
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ยังไม่แน่ใจ
สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ระบบนิเวศถูกทำลาย
หมู่เกาะกาลาปากอสเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกหลังจากที่ชาร์ลส์ ดาร์วินได้ไปสำรวจและศึกษาเพื่อประกอบการคิดค้นทฤษฎีวิวัฒนาการ เกาะแห่งนี้เป็นบ้านของสัตว์กว่า 9,000 สปีชี่ส์ซึ่ง 75% ของสัตว์ทั้งหมดนี้สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก แต่ทุกวันนี้เกาะนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับมนุษย์ มีโรงแรม ร้านอาหาร รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เกิดขึ้นมากมายบนเกาะ จนทำให้ระบบนิเวศของหมู่เกาะกาลาปากอสถูกทำลายลงเรื่อยๆ แถมจำนวนนักท่องเที่ยวยังเพิ่มขึ้นทุกปีอีกต่างหาก
2. มัลดีฟส์
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 100 ปี
สาเหตุที่กำลังจะหายไป: จมทะเล
มัลดีฟส์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีพื้นที่และประชากรน้อยที่สุดในโลก แถมกว่า 80% ของจำนวนเกาะทั้งหมด 1,200 เกาะยังสูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึง 1 เมตร นอกจากนี้ 90% ของแนวปะการังในประเทศยังเป็นปะการังฟอกขาวไปหมดแล้วด้วย (ปะการังตายแล้วเหลือแต่หินปูนขาวซีดๆ) เมื่อปี 2008ประธานาธิบดีของประเทศยังประกาศว่ารัฐบาลกำลังขอซื้อที่ดินจากประเทศข้างเคียงอย่างอินเดีย เพื่อรองรับประชากรชาวมัลดีพส์ที่จะไม่มีถิ่นที่อยู่ในอนาคต
3. แนวปะการังเกรท แบริเออร์ รีฟ
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 100 ปี
สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ปะการังฟอกขาว
แนวปะการังนี้เป็นแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถมองเห็นได้จากอวกาศ เพราะพื้นที่มากกว่าสหราชอาณาจักร สวิตเซอร์แลนด์และเนเธอแลนด์รวมกันเสียอีก ประกอบไปด้วยปะการังกว่า 350 สปีชี่ส์ กรมรักษาสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลียคาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2070อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นถึง 6 องศาเซลเซียส และด้วยอุณหภูมิที่สูงขึ้น มลพิษทางน้ำ ความเป็นกรดของน้ำทะเลที่สูงขึ้น และพายุไซโคลนที่ถล่มอยู่เป็นประจำ จึงคาดว่า 60% ของปะการังที่นี่จะเผชิญกับปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวภายในปี 2030
4. เมืองเวนิส
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 70 ปี
สาเหตุที่กำลังจะหายไป: จมทะเล
หนึ่งในเมืองที่สวยที่สุดในโลก และกำลังจมลงเรื่อยๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะแต่ละปีมีจำนวนการเกิดน้ำท่วมเมืองเพิ่มขึ้น จากที่ปี 1900 มีน้ำท่วมเมืองไม่ถึง 10 ครั้ง เมื่อปี 2000 กลับมีน้ำท่วมมากกว่า60 ครั้ง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เมืองจมเร็วขึ้น เพราะแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากเป็น 40 เท่าของจำนวนชาวบ้าน รวมถึงปัญหาต่างๆ ในโลกที่ทำให้น้ำทะเลเพิ่มขึ้นอีกปีละ 4-6มิลลิเมตร ทำให้ชาวเวนิสกังวลว่าบ้านของตัวเองจะยังลอยอยู่เหนือน้ำได้อีกนานเท่าไร
5. ทะเลเดดซี
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 50 ปี
สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ได้รับน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนลดลง
ทะเลเดดซีเป็นทะเลสาบที่เค็มมากกว่าทะเลทั่วไปถึง 10 เท่า เพราะมีความเข้มข้นของเกลือสูงมากจนคนสามารถลอยบนผิวน้ำได้เลย แต่ในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมาทะเลสาบแห่งนี้มีความกว้างลดลงกว่าเดิมถึง 1 ใน 3 และยังมีระดับน้ำต่ำลงอีกกว่า 2.40 เมตร เพราะขาดน้ำจากแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งแทบจะเป็นแหล่งน้ำเดียวที่ให้น้ำแก่ทะเลสาบแห่งนี้ เนื่องจากประเทศต่างๆ โดยรอบมีความเจริญขึ้นและต้องการน้ำจากแม่น้ำจอร์แดนมากขึ้นเช่นกัน ปัจจุบันทะเลเดดซีมีน้ำลึกสุดเพียง 377 เมตร และคาดว่าระดับน้ำจะยิ่งลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่เหลือเลยในอีก 50 ปี
6. เทือกเขาแอลป์
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 40 ปี
สาเหตุที่กำลังจะหายไป: น้ำแข็งละลาย
เทือกเขาแอลป์ชื่อดังของยุโรปที่เต็มไปด้วยสกีรีสอร์ตสวยๆ และธารน้ำแข็งหนากว่า 60 เมตรกำลังได้รับผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน ทุกวันนี้เรายังรู้สึกได้เลยว่าอากาศร้อนขึ้นทุกวัน แต่บนเทือกเขาแอลป์นั้นอุณหภูมิกลับสูงขึ้นเร็วกว่าที่อื่นเป็นเท่าตัว ธารน้ำแข็งบนยอดเขาทุกวันนี้ถือว่าน้อยลงกว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้วถึง 20% ทำให้คาดการณ์กันว่าอีก 40 ปีข้างหน้าธารน้ำแข็งชื่อดังทั้งหลายจะไม่เหลืออยู่อีกเลย
7. มาดากัสการ์
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 35 ปี
สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ป่าไม้ถูกทำลาย
มาดากัสการ์เป็นเกาะใหญ่อันดับ 4 ของโลก 80% ของพืชและสัตว์ที่นี่ไม่สามารถพบได้ที่ไหนในโลกอีกแล้ว และยังเป็นบ้านของพวกลีเมอร์ (Lemur) อีกกว่า 20 สปีชี่ส์ แต่ปัจจุบันป่าไม้ของเกาะนี้ลดปริมาณลงมากจาก 120,000 ตารางไมล์เหลือพียง 20,000 ตารางไมล์เท่านั้น ทั้งจากการตัดไม้ เผาป่า ลักลอบทำไร่เลื่อนลอย และการรุกล้ำเข้ายึดครองพื้นที่ป่า นอกจากนี้เขตป่าสงวนยังมีพื้นที่เพียง 5%ของเกาะเท่านั้น ต่อไปมาดากัสการ์คงเหลือแต่ในภาพยนตร์การ์ตูนเท่านั้น
8. ลุ่มน้ำคองโก
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 25 ปี
สาเหตุที่กำลังจะหายไป: ป่าฝนถูกทำลาย
ลุ่มน้ำคองโกเป็นป่าฝนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากลุ่มน้ำอะเมซอน และมีพื้นที่ครอบคลุมถึง7 ประเทศในทวีปแอฟริกา และยังช่วยผลิตออกซิเจนให้โลกมากถึง 40% ทว่าป่าไม้กลับถูกทำลายถึงปีละ 250 ล้านไร่ คาดการณ์กันว่าในปี 2040 จะเหลือพื้นที่ป่าไม้เพียง 30% เท่านั้น
9. อุทยานแห่งชาติแกลซิเออร์ สหรัฐอเมริกา
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: ไม่ถึง 20 ปี
สาเหตุที่กำลังจะหายไป: น้ำแข็งละลาย
อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาที่กินพื้นที่กว่า 4,000 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยน้ำตก 200 แห่ง และทะเลสาบอีก 712 แห่งที่ตั้งชื่อได้เพียง 131 แห่งเท่านั้น และยังเป็นบ้านเกิดของนก 260 สายพันธุ์ พันธุ์พืชที่ระบุได้แล้ว 1,132 สายพันธุ์ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีก 62ชนิด เมื่อ 100 ปีก่อนอุทยานแห่งชาตินี้มีธารน้ำแข็งมากถึง 150 สาย แต่เมื่อปี 2005 พบว่าเหลืออยู่เพียง 27 สายเท่านั้น เพราะสภาวะโลกร้อนได้ทำให้กระแสน้ำเย็นหายไปจากบริเวณนี้แล้ว และคาดว่าระบบนิเวศก็ต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยเมื่อไม่มีธารน้ำแข็งเหลืออีกเลยในปี 2030
10. ทัชมาฮาล
ระยะเวลาที่เหลืออยู่: อาจจะ 5 ปี
อันดับนี้มาแปลกกว่าเพื่อน เพราะไม่ใช่ธรรมชาติที่ถูกทำลาย และไม่ได้ถูกระเบิดทิ้งหายไปไหนด้วย เพียงแค่จะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้อีกต่อไป เพราะจำนวนนักท่องเที่ยว 3-4 ล้านคนในแต่ละปี และปัญหามลพิษทางอากาศที่อินเดียกำลังเผชิญอยู่ ทำให้หินอ่อนสีขาวของสถาปัตยกรรมแห่งนี้ได้รับผลกระทบไปด้วย ทางการอินเดียจึงคิดจะออกกฎห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปชม และอนุญาตให้ถ่ายรูปได้จากที่ไกลๆ ทั้งนั้น เพื่ออนุรักษ์มรดกโลกแห่งนี้ไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด (แต่ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทบทวนนโยบายนี้อยู่)
เป็นอะไรที่พูดยากนะคะ เพราะใจนึงเราก็อยากจะปล่อยธรรมชาติไว้เฉยๆ การไม่ไปยุ่งกับมันก็เป็นหนึ่งในวิธีอนุรักษ์ธรรมชาติที่ดีที่สุด แต่อีกใจนึงเราก็อยากไปเห็นด้วยตาตัวเอง (พี่นี่แหละ อยากไปทุกที่เลย 555) ฉะนั้นถ้าได้ไปเที่ยวจริงๆ อย่าลืมตรวจสอบให้ดีว่าเราทำลายธรรมชาติมากเกินไปรึเปล่า พยายามหาที่พักที่เป็นโรงแรมอนุรักษ์ธรรมชาติ แยกขยะก่อนทิ้งลงถังขยะทุกครั้ง ไม่กินทิ้งกินขว้าง และไม่เก็บหิน ดิน ทราย ใบไม้ ปะการัง ลูกสัตว์หรืออื่นๆ กลับมาเป็นของที่ระลึก ส่วนสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนโดยตรง ก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากมนุษย์เราที่ทำให้โลกร้อนเร็วขึ้นกว่าปกติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น